โรคหวัดในเด็กในช่วงไวรัสระบาดเป็นเรื่องปกติธรรมดา ด้วยมาตรการที่ทันท่วงทีการติดเชื้อไวรัสจะหายไปหลังจาก 7-10 วันหากไม่มีการล่มสลาย
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
ที่สัญญาณแรกของโรคในเด็ก ให้สร้างเงื่อนไขให้เขาต่อสู้กับการติดเชื้อ สังเกตการนอนบนเตียง ขาติดเชื้อไวรัสไม่ได้ ร่างกายต้องการพละกำลังเพื่อต่อสู้กับมัน
ขั้นตอนที่ 2
ให้น้ำปริมาณมากแก่ลูกน้อยของคุณ ดื่มน้ำจากขวดสำหรับทารก สำหรับเด็กโต ให้เตรียมน้ำแครนเบอร์รี่ แช่โรสฮิป หรือชามะนาว การดื่มของเหลวมาก ๆ จะล้างสารพิษออกจากร่างกายที่เกิดจากไวรัสและทำให้เกิดอาการป่วยไข้
ขั้นตอนที่ 3
ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของคุณอย่างใกล้ชิด เมื่อมันเพิ่มขึ้นเด็กจะเซื่องซึมซุกซน หากไม่มีปฏิกิริยากระตุกเมื่อเกิดภาวะตัวร้อนเกิน ห้ามลดอุณหภูมิลงเหลือ 38 องศา นี่เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ไวรัสส่วนใหญ่จะตาย
ขั้นตอนที่ 4
เริ่มใช้ยาต้านไวรัสและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามโครงการที่ระบุไว้ในคำแนะนำสำหรับยา หล่อลื่นจมูกด้วยครีมต้านไวรัส
ขั้นตอนที่ 5
หากมีอาการน้ำมูกไหล ให้ระบายน้ำออกจากโพรงจมูก ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือหรือสเปรย์ยาที่ใช้น้ำทะเลสำเร็จรูป ในการเตรียมการล้าง ให้ละลายเกลือครึ่งช้อนชาในน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว จากนั้นเทสารละลายลงในลูกแพร์ขนาดเล็กแล้วล้างจมูกแต่ละข้างตามลำดับ ในเวลาเดียวกันไม่ควรโยนหัวของเด็กกลับควรเทน้ำกลับทางจมูก พยายามอย่าใช้ยาหยอด vasoconstrictor เฉพาะในกรณีที่มีเมือกมากมายที่รบกวนการหายใจตามปกติ
ขั้นตอนที่ 6
ให้อาหารลูกตามที่เขาต้องการ ถ้าเขาไม่ต้องการกิน - อย่าบังคับเขา รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์นมหมักอาหาร แบคทีเรียที่มีอยู่ช่วยในการรับมือกับไวรัส สำหรับเด็กโต ให้หัวหอมและกระเทียม หัวหอมและกระเทียมประกอบด้วยไฟโตไซด์ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หลังจากอายุสามขวบ ให้ทารกดื่มน้ำกระเทียมครึ่งแก้ว ในการเตรียมให้ต้มกระเทียม 1 กลีบในน้ำเดือดหนึ่งแก้วแล้วทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง
ขั้นตอนที่ 7
หากอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาให้เช็ดเด็กด้วยสารละลายกัดหรือให้ยาลดไข้ที่มีพาราเซตามอล พวกเขามาในรูปแบบของเม็ดยาเหน็บทวารหนักและน้ำเชื่อม อ่านคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนใช้งาน
ขั้นตอนที่ 8
หากลูกของคุณมีอาการไอ ให้สูดดมน้ำมันยูคาลิปตัส ให้น้ำเชื่อมรากชะเอมวันละ 3 ครั้งอายุไม่เกิน 2 ปี - 2 หยดในน้ำหนึ่งช้อนชาตั้งแต่ 2 ถึง 12 ปี - ครึ่งช้อนชาในน้ำหนึ่งแก้ว
ขั้นตอนที่ 9
หากอุณหภูมิคงอยู่นานกว่า 3 วันหรือเกิดการสะสมของแบคทีเรีย (ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคหูน้ำหนวก ฯลฯ) ให้ปรึกษาแพทย์ ในกรณีนี้จะต้องเพิ่มยาปฏิชีวนะในการรักษา